top of page
  • Writer's pictureAdmin Nye

3 ช่องทาง การทำการตลาดออนไลน์ ที่จะทำให้ลูกค้าเจอคุณได้ง่ายขึ้น



การตลาดออนไลน์ ในยุคปัจจุบันนั้นเป็นเรื่องที่ธุรกิจต่างๆ มองข้ามไปไม่ได้นะครับ ไม่ว่าคุณจะเป็นธุรกิจขนาดกลางไปจนถึงใหญ่ ที่มีการดำเนินธุรกิจอยู่แล้ว หรือเป็นคนๆหนึ่งที่คิดอยากจะเริ่มต้นทำธุรกิจ ก็ต้องมาศึกษาและเรียนรู้การทำการตลาดออนไลน์ในที่สุดครับ ซึ่งวันนี้เรามี 3 ช่องทาง การทำการตลาดออนไลน์ ที่จะทำให้ลูกค้าเจอคุณได้ง่ายขึ้น มานำเสนอทุกคนครับ ส่วนจะมีช่องทางอะไรบ้างนั้น เราไปดูกันเลยครับ



1. Social Media Marketing



การทำการตลาดช่องทางนี้ เราเชื่อว่าทุกคนคงจะรู้จักกันอยู่แล้ว เป็นการทำ การตลาดออนไลน์ ผ่านสื่อสังคม Social Media ต่างๆ เช่น


  • Facebook

  • Instagram

  • Twitter

  • Pinterest

การทำการตลาดผ่านช่องทางนี้มีข้อดีคือ ใช้ทุนในการเริ่มต้นน้อยและไม่ต้องใช้ความรู้ความเชี่ยวชาญมากเท่าช่องทางอื่นๆ ใครอยากเริ่มต้นทำ การตลาดออนไลน์ / ขายของออนไลน์ ในยุคนี้ ก็จะเริ่มต้นด้วยการเปิดบัญชี Facebook Fanpage หรือ Instagram ก่อนจริงไหมครับ


ธุรกิจส่วนใหญ่แล้วควรมีช่องทาง Social Media ในการทำการตลาดนะครับ แต่อาจต้องวิเคราะห์ธุรกิจเพิ่มว่า เราจะใช้กลยุทธ์ Social Media อย่างไร


ธุรกิจบางธุรกิจอาจไม่ได้ใช้ Social Media ในการปิดการขาย แต่อาจมีเพื่อสร้าง Brand Awareness ยิงโฆษณาเพื่อให้คนมารู้จักสินค้าและแบรนด์ของเรา หรือยิงโฆษณา Facebook เพื่อนำลูกค้าไปปิดที่ Website หรือ Line@ เป็นต้น


ทักษะที่ควรมี :

  • การวางแผนการทำ Content Marketing ผ่าน Social Media ในแฟลตฟอร์มต่างๆ

  • การทำรูปกราฟฟิกให้สวยดึงดูดใจ

  • การเขียนที่ดี รวมทั้งหมด ทั้งการเลือกเขียนหัวข้อ, เนื้อหา

  • การยิงโฆษณาในแต่ละช่องทาง เช่น Facebook Ads, Twitter Ads (ดูความซับซ้อนของการยิงโฆษณา Facebook แบบกำหนดรายละเอียดของกลุ่มเป้าหมายเอง – Facebook Detailed Target Ads


2. Google Marketing / SEM : Google Ads



ช่องทางการทำการตลาดต่อมาที่คุณควรรู้จักและไม่ควรมองข้ามคือ การทำการตลาดผ่านช่องทาง Google หรือจะเรียกว่าการทำการตลาดแบบ SEM (Search Engine Marketing) คือ การทำให้เว็บไซต์หรือ Facebook Fanpage ของเราก็ได้ ปรากฎขึ้นเมื่อมีคนมาค้นหาคำ Keyword ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจเรานั่นเอง


บางคนเน้นการทำการตลาดผ่าน Social Media มากเกินไป จนละเลยช่องทางนี้ ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเสียดายมากๆเลยนะครับ เพราะอย่าลืมนะครับ การทำการตลาดแบบ Google นี้ เราจะได้ “ คนที่ต้องการสินค้าเราจริงๆ ” มา เพราะเมื่อเค้าค้นหา = เค้าต้องการสินค้านี้แล้ว


คนค้นหา = คนที่มีความต้องการซื้อแล้วค่ะ ซึ่งการตลาดบน Social Media ไม่สามารถทำเจาะจงขนาดนี้ได้


ยังไม่นับว่าบางธุรกิจ หากวิเคราะห์จริงๆ อาจเหมาะกับช่องทาง Google มากกว่าการทำการตลาด Social Media เช่น ธุรกิจขายส่ง, ธุรกิจบริการเฉพาะเจาะจง เช่น บริการรับเหมาก่อสร้าง, ซื้อเครื่องจักรโรงงานขนาดใหญ่ เป็นต้น ทางที่ดี เราต้องวิเคราะห์ง่ายๆด้วยตัวเองก่อนค่ะ ว่าถ้าเราสวมหมวกเป็นลูกค้าของเรา เราจะค้นหาสินค้าของเราผ่าน Facebook หรือ Google กันแน่


หลักๆแล้ว หากอยากทำการตลาดช่องทางนี้ ทางเราแนะนำว่าควรมี “ เว็บไซต์ ” ที่ดี จะดีกว่าการทำ SEM ให้กับ Facebook Fanpage หรือบัญชี Social Media อื่นๆนะคะ เพราะสามารถทำอะไรได้ไม่มากเท่ากับการทำผ่านเว็บไซต์ของเราเอง


การทำ Google Marketing สามารถแบ่งใหญ่ๆได้ 2 ทางคือ


  • การทำ SEO หรือการปรับแต่งเว็บไซต์ให้เว็บของเราติด Google โดยธรรมชาติ

  • การลงโฆษณากับ Google หรือการทำ Google Ads นั่นเอง

การลงโฆษณา Google Ads เป็นสิ่งแรกๆที่เราควรทำเมื่อเราสร้างเว็บไซต์เสร็จ เพราะการทำ SEO นั้นใช้เวลา แต่หากเราเรียนรู้การลงโฆษณากับ Google เราจะสามารถดึงคนเข้าเว็บไซต์และเริ่มธุรกิจของเราได้ทันทีครับ เช่น เรา ขายของออนไลน์ เป็นสินค้าเป็นเสื้อผ้าสำหรับคนอ้วน เราจะลงโฆษณากับ Google ด้วยการพิมพ์คำ Keyword ทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจเราลงไป เมื่อคนค้นหาคำต่างๆ เช่น เสื้อคนอ้วน, ชุดเดรสคนอ้วน, เสื้อผ้าสาวอวบ ฯลฯ เว็บไซต์ของเราก็จะปรากฎขึ้นมาเพื่อเสนอสินค้าของเราทันที


โดยเราจะเสียค่าโฆษณาเป็น “ คลิ๊ก ” (Pay-Per-Click) คือคนคลิ๊ก 1 ครั้ง เราจะเสียค่าโฆษณา 1 ครั้งค่ะ ตามการประมูลคลิ๊กของ Keyword นั้นๆ ว่ามีการแข่งขันสูงมากขนาดไหน


เครื่องมือและทักษะที่ควรมี :

  • เว็บไซต์ที่สวยงาม มีข้อมูลธุรกิจครบถ้วนและน่าสนใจ

  • การทำ Keyword Research ว่าธุรกิจเราควรใช้ Keyword ไหนทำการตลาด

  • ทักษะการยิงโฆษณา Google Ads


3. Video Marketing



ยุคนี้เป็นยุคของ Video Content แล้ววละครับ ทั้งจากสถิติ Youtube ถือเป็น Social Media ที่ติด 1 ใน 3 อันดับที่คนไทยเข้าสูงสุดตลอดเวลา ทั้ง Video ยังเป็นสื่อที่ดูง่ายและตรึงความสนใจของคนดูได้มากกว่าการอ่านข้อความยาวๆนะครับ การทำ Video ที่นำเสนอเรื่องราวของแบรนด์และสินค้าได้ดีจึงถือเป็นกลยุทธ์การตลาดหนึ่งที่เราไม่ควรมองข้าม


เมื่อเราทำ Video ออกมาเรียบร้อยแล้ว เราสามารถนำไปลงได้หลายช่องทาง เช่น Facebook Videos (ลงกับ Facebook โดยตรงจะได้ผลดีมากที่สุด) Youtube Channel ของแบรนด์, ลง Website ที่หน้าต่างๆ


เครื่องมือและทักษะที่ควรมี :

  • คนทำ Video ที่ดี ถ่ายทอดเรื่องราวของแบรนด์และสินค้าได้ดี

  • ควรเปิดช่อง Youtube Channel เพื่อรวม Videos ของแบรนด์ทั้งหมดไว้ในที่เดียว

  • เรียนรู้การทำ SEO ให้กับ Video บน Youtube

และนี่คือ 3 ช่องทาง การทำการตลาดออนไลน์ ที่จะทำให้ลูกค้าเจอคุณได้ง่ายขึ้น ต้องบอกไว้ก่อนนะครับว่า ทั้ง 3 ช่องทาง การตลาดออนไลน์ ที่กล่าวมานี้ถือเป็นช่องทางหลักๆที่ควรรู้จักและพิจารณาลงแผนการตลาดครับ ที่เน้นจริงๆว่าควรทำเป็นอย่างน้อยคือ Social Media และ Google Marketing ควรวางแผนให้ดีครับ ส่วนใครที่อ่านบทความเราแล้วไม่เข้าใจหรือทำไม่เป็น ทางเราก็ รับทำการตลาดออนไลน์ ด้วยนะครับ


สามารถติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ Facebook และ Line




bottom of page